ปักหมุด Location ร้านอาหารอย่างไรให้ตรงเป๊ะ!

Sep 25, 2020
สำหรับธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งเป็นธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับทำเลที่ตั้งนั้น ในทางกลับกันการจะทำให้ลูกค้าทราบถึงที่ตั้งร้านก็สำคัญไม่แพ้กัน คงเป็นการไม่สะดวกนักถ้าลูกค้าจะต้องโทรถามที่อยู่ร้านเพื่อที่จะเดินทางมา และการใช้แผนที่แบบเดิม ๆ คงไม่ตอบสนองพฤติกรรมของลูกค้าในยุคปัจจุบันอีกแล้ว ในยุคที่การตลาดออนไลน์มีความสำคัญเป็นอย่างมาก สิ่งหนึ่งที่ธุรกิจร้านอาหารจำเป็นต้องมี คือการกำหนดจุดที่ตั้งบนบริการแผนที่ต่าง ๆ หรือที่เรียกกันว่า การปักหมุด Location นั่นเอง 
วันนี้ MHA จะมาแนะนำการ ปักหมุด Location ผ่านเครื่องมือการตลาดออนไลน์ ที่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมักจะใช้ในการเข้าถึงข้อมูลของร้านอาหารที่ต้องการ โดยผ่าน 2 เครื่องมือหลัก ได้แก่ Google My Business และ Facebook Page เพราะเป็น Application ที่สามารถระบุ Location ของร้านได้ และลูกค้ามักจะใช้ในการหาข้อมูลผ่านสมาร์ทโฟนเป็นประจำนั่นเอง
Search ทั้งร้าน พ่วงด้วย Location กับ Google My Business
เริ่มต้นที่ Google My Business ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจ Google Map สักหน่อย Google Map เป็นบริการแผนที่ และการนำทางโดยจะเชื่อมโยงกับบริการค้นหาของ Google โดยที่ Map ของแต่ละคนจะสามารถปักหมุดสถานที่ที่เราต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็นบ้าน ที่ทำงาน หรือสถานที่ที่ไปเป็นประจำ แต่หมุดที่ปักนั้นจะแสดงในแผนที่ของผู้ใช้งานตามชื่อที่ Login นั้น เรียกว่าเป็นแผนที่ส่วนตัวของแต่ละAccountก็ได้
ดังนั้นการจะทำให้ Location ร้านที่ปักสามารถพบเห็นได้ทั่วไป เวลาที่มีลูกค้า Search หาใน Google นั้น เราต้องใช้บริการ Google My Business : GMB แทนทั้งนี้ GMB จะเพิ่มข้อมูลร้านของเราลงในฐานข้อมูล และจะแสดงผลเมื่อมีการค้นหา “ชื่อร้าน” ที่ลงทะเบียนไว้ ซึ่งข้อมูลของร้านจะปรากฏบนผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ Google เช่น Google Maps และ Google Search ทั้งแผนที่ ชื่อร้าน เวลาทำการ นอกจากนี้ยังสามารถใส่ โปรโมชั่น หรือ ข้อมูลเพิ่มเดิม ได้อีกด้วย
ดังนั้นการปัก location ของร้านใน GMB จะช่วยให้ลูกค้าที่ทำการ Search ผ่าน Google มีโอกาสพบเห็นร้านเราได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการ Search ชื่อร้านโดยตรง หรือ คำที่เกี่ยวข้องกับร้าน ไม่ว่าจะเป็น “ประเภทร้าน” “พื้นที่ที่ต้องการหา” “ประเภทร้านอาหาร” ยกตัวอย่าง “ร้านกาแฟ แถวบางเลน” “ร้านกาแฟใกล้ฉัน” เป็นต้น
สำหรับร้านอาหารที่ไม่เคยปักหมุดlocation กับ Google My Business เลย ลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
  1. เริ่มต้นกับ Google My Business สำหรับใครที่ยังไม่มี Gmail ต้องสมัคร Gmail ก่อนจึงจะให้บริการ GMB ได้ เข้าไปที่ Website หรือ ค้นหาคำว่า Google My Business”ใน Google
    (ในบทความนี้เราจะเน้นการลงทะเบียนใช้งานโดยใช้สมาร์ทโฟนเป็นหลัก)
  1. ลงชื่อเข้าให้งานก่อน โดยใช้ Gmail ที่เราสมัครไว้
    (หากยังไม่มีให้สร้าง Account กับ Google ก่อน โดยคลิกที่ สร้างบัญชี)
3. ทำการค้นหาชื่อร้านของเรา บางกรณีเราอาจเคยลงทะเบียนไว้ก่อน หรือมีการพูดถึง ปักหมุดในบริการอื่น ๆ อาจจะมีชื่อร้านเราขึ้นมาได้ แต่ถ้าค้นหาไม่พบ ให้คลิก เพิ่มธุรกิจของคุณใน Google เพื่อทำการเพิ่มร้าน
4. ระบุชื่อร้าน ทั้งนี้ต้องไม่มีคำต้องห้าม และชื่อควรจะระบุประเภทของร้านอาหารให้ชัดเจน เช่น “ชื่อร้าน” อาหารตามสั่ง ร้านสเต็กหน้ามอ ร้านป้าเยาว์ขนมหวาน เพราะเป็นการง่ายที่จะเข้าใจ และค้นหาง่ายกว่าการระบุชื่อร้านอย่างเดียว
5. เลือกหมวดหมู่ที่ตรงกับร้านเราให้มากที่สุด ตรงส่วนนี้เราไม่สามารถระบุประเภทร้านเองได้ ให้เราทำการเลือกประเภทร้านอาหารที่ตรงกับเราที่สุด หรือถ้าไม่ตรงเลยให้ระบุว่าร้านอาหารก็ได้
6. สำคัญ ระบบจะถามว่า ต้องการเพิ่มสถานที่ที่ลูกค้าไปเยี่ยมชมได้อย่างร้านหรือสำนักงานไหม ถ้าร้านอาหารเรามีหน้าร้าน หรือขายให้รับประทานในร้านได้ ให้เลือกตอบใช่ ซึ่งถ้าเราไม่เลือกตอบว่าใช่ เราจะไม่สามารถปักหมุด location ของเราได้
7. จากนั้นให้เราระบุที่อยู่ของร้านเรา โดยละเอียด ระบุถึงซอย หมู่บ้าน ถนน อย่างชัดเจน
  1. ระบบจะขึ้นแผนที่ Google map มาให้ แนะนำให้เปลี่ยนวิวเป็น แผนที่ดาวเทียม โดยคลิกที่ ดาวเทียม จากนั้นให้ทำการขยายแผนที่ เพื่อหาร้านของเรา
วิธีหาที่ตั้งร้าน
  • โดยทั่วไปถ้าที่อยู่ระบุได้อย่างชัดเจน แผนที่มักจะปักหมุดไปยังจุดนั้นแล้ว
  • ถ้าพิจารณาแล้วพบว่าไม่ตรงกับร้าน เราสามารถขยับหมุดใหม่ได้
  • ลองพิจารณาจากสถานที่ใกล้เคียงร้าน ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า โรงเรียน สวนสาธารณะ แยกต่าง ๆ ถนน ซอย
  • ในกรณีร้านอยู่ในอาคาร ขอแนะนำให้ปักหมุดที่หน้าอาคารบริเวณทางเข้า
Tip
  • ต้องไม่ลืมว่า ระบบ Location ในโทรศัพท์มือถือแต่ละเครื่องมีความแม่นยำไม่เท่ากัน ดังนั้นการปักหมุดจึงมีโอกาสผิดพลาดได้ เช่น ปักหมุดกลางร้าน แต่แผนที่นำไปด้านหลังร้าน ดังนั้นให้พิจารณาจากการเดินทางของลูกค้าเป็นสะดวก
  • ถ้าร้านอยู่ริมถนน ควรปักหมุดที่หน้าร้าน และถ้าอยู่บริเวณแยกหรือซอย ให้เลือกปักหมุดชิดกับถนนเส้นหลักก่อน
  • ก่อนจะกดถัดไป ลองเช็คดูอีกสักรอบ ว่าหมุดที่ปักไว้ตรงกับร้านเราจริง ๆ ใช่หรือไม่
  1. เมื่อเราปักหมุดเสร็จแล้ว Google จะแจ้งให้เรายืนยันธุรกิจว่าเป็นของเราจริงหรือไม่ โดยจะส่งไปรษณียบัตรพร้อมกับรหัสยืนยันมาให้เราตามที่อยู่ ซึ่งจะต้องใช้เวลาสักระยะ
ระหว่างนี้เราสามารถกรอกรายละเอียดต่าง ๆ รอไว้ได้เลย ไม่ว่าจะเป็น เวลาเปิดปิดร้าน ในแต่ละวัน รายละเอียดร้าน ภาพเมนูอาหาร และโปรโมชั่นต่าง ๆ จนกว่ารหัสยืนยันจะส่งมาถึงแล้วจึงทำการยืนยันด้วยรหัสอีกทีหนึ่ง
เท่านี้พอเราได้รหัสยืนยันจากทางGoogle แล้ว เราจะสามารถใช้งาน Google My Business ได้อย่างเต็มที่พร้อมกับ Location ที่เราปักหมุดไว้จะปรากฏในเวลาที่ลูกค้าค้นหา อย่างไรก็ตามหากไม่มีการตอบกลับรีวิวเลย หรือไม่มีการอัพเดทจากร้านเป็นเวลานาน เวลา Search ร้านเราก็จะไม่ขึ้นเช่นกัน
สำหรับการเปลี่ยน Location ของร้านนั้น ควรทำเมื่อได้รับการยืนยันแล้วเท่านั้น หากต้องการแก้ไข location ของร้านให้ตรงจุดกว่าเดิม หรือในกรณีที่ปักหมุดผิดพลาดก็ตาม ให้ลองทำตามขั้นตอนนี้
  • จากหน้า Google my business ที่ login ไว้แล้วให้ไปที่ เมนู เลือก ข้อมูล
  • คลิกเลือก ที่อยู่ร้าน เพื่อเข้าสู่การแก้ไข จากนั้นให้แก้ไขที่อยู่ หรือขยับหมุดใหม่ตามที่เราต้องการ จึงกด ใช้ ที่มุมบนด้านขวา
สำหรับ Google My Business ยังมีการใช้งานอื่น ๆ อีกมาก ทั้งนี้สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จาก เว็บไซต์ 
ตั้ง Location ร้านใน Facebook
จากยอดผู้ใช้งาน Facebook 45 ล้านบัญชี ในปี 2019 ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Facbook page เป็นเครื่องมือการตลาดออนไลน์ที่น่าสนใจไม่แพ้ Google My Business เลย ตอนนี้แทบทุกร้านจึงต้องมี Page ของร้านแทบทั้งสิ้น และหนึ่งใน Function ที่ทุกร้านจะชื่นชอบกันคือการเช็คอิน แม้ว่าจะไม่ต้องไปถึงที่ร้านเพื่อจะเช็คอิน แต่การมี location ไว้ ก็เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้ลูกค้ามาที่ร้านได้

สำหรับ Facebook เพจนั้น โดยทั่วไปลูกค้าจะเข้ามาดูเพจเราได้หลายกรณี ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาจาก Google หากร้านนั้นเปิดเพจไว้ เพจก็จะขึ้นมาเลยในหน้าที่ค้นหา ลูกค้าจะสามารถเข้า Facebook ก่อน เพื่อดูข้อมูลLocation และรายละเอียดร้านรวมถึงรีวิวต่างๆ ใน Page Facebook ได้ หรืออีกทางหนึ่งคือ ลูกค้ากำลังใช้งาน Facebook อยู่ แล้วเห็นโฆษณาของร้านเรา(ในกรณี Promote หรือ ซื้อโฆษณา) หรือ เจอรีวิวร้านจากเพจรีวิวใด ๆ หรือแม้แต่การเช็คอินของเพื่อนในเฟสบุคของลูกค้าเองก็ตาม

การตั้ง Location ใน Facebook Page นั้นลองทำตามขั้นตอนนี้ (สำหรับการตั้ง Location ใน Facebook เราขอแนะนำให้ใช้คอมพิวเตอร์ในการตั้งค่าเนื่องจาก interface ของ Facebook มีขนาดค่อนข้างเล็กทำให้ไม่ค่อยสะดวกในการตั้งค่า โดยอาจจะสร้างเพจจากในโทรศัพท์มือถือก่อนก็ได
เมื่อมี Page ของร้านแล้ว ในหน้า Facebook เพจให้เลือก Edit Page Info. (เราจะต้องได้รับสิทธิในการแก้ไขหรือเป็นแอดมินเพจ)
จะพบกับหน้า Info ให้เลื่อนลงมาด้านล่างจนพบกับ Location (สำหรับในส่วน Info.นี้ ขอแนะนำให้กรอกรายละเอีดดลงไปในทุกช่องเท่าที่ได้ เพราะเป็นข้อมูลให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี)
ในส่วนของ Location ให้ระบุที่อยู่ร้าน ให้ละเอียด และเลือกเมือง จากนั้นตามด้วย รหัสไปรษณีย์ พร้อมกับลากหมุดลงไปยังตำแหน่งที่ตั้งของร้าน และให้ติ๊กเลือกในช่อง Customers visit my business at my street address ด้วย
จากนั้นเพจของร้านก็จะมีแผนที่ขึ้น ใน About แล้ว ซึ่งในส่วนนี้ลูกค้าสามารถคลิกเข้าไปดู และเชื่อมโยงกับ Google Map ได้ เพื่อความสะดวกในการเดินทางของลูกค้า และยังสามารถเช็คอินที่ร้านได้อีกด้วย
Tip : การปักหมุน location ในFacebook ทำได้ค่อนข้างยากสักหน่อย และมักจะไม่ตรงกับร้าน อย่างไรก็ตามควรมีการตรวจสอบ โดยการเปิดในแผนที่อีกทีหนึ่ง แล้วจึงทำการขยับให้ตรงที่สุดเท่าที่จะทำได้
คงไม่ยากเกินไปสำหรับการ ปักหมุด location ร้านอาหารของเราทั้งใน Google My Business และ Facebook Page อาจจะยุ่งยากสักหน่อยในตอนแรกแต่รับรองว่ามีประโยชน์ในการทำการตลาดให้กับร้านอาหารเราแน่นอน แล้วกลับมาพบกับบทความดี ๆ จาก MHA ได้ใหม่ในตอนถัดไป
Credit ภาพ: เจ๊อิม เผือกหิมะ
หญ้าขาว คาเฟ่
Facebook Page
Google My Business
Explore more topics

Keep reading

Get inspired by content for restaurants.

View All Articles
What categories interest you?